สิ่งสำคัญต่อจากนี้ไปของประเทศไทย

สิ่งสำคัญต่อจากนี้ไปของประเทศไทย
ในบรรดาประเทศในทวีปเอเชียโดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เศรษฐกิจของประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วงเติบโตเต็มที่ แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึงประเทศไทยทุกพื้นที่ แต่ถ้าคุณอยู่ในกรุงเทพฯ คุณจะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ผมรู้สึกว่าการเติบโตไปมากกว่านี้อย่างมีนัยยะเป็นเรื่องที่ยาก อดคิดไม่ได้ว่าหากยังเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยจะติดอยู่ในกับดักประเทศรายได้ปานกลางต่อไป ผมคิดว่าสาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่ประเทศไทยพึ่งพา “เงินทุนจากต่างชาติ” ที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอดีต แน่นอนในตอนนั้น ประเทศไทยจําเป็นต้องใช้ "เงินทุนจากต่างชาติ" เพื่อพัฒนาพละกำลังของประเทศ ซึ่งผมเห็นด้วยว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากต่อจากนี้ไป ประเทศไทยยังคงใช้วิธีการเดิม อาจจะกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้ประเทศไทยที่เข้าสู่ช่วงเติบโตเต็มที่แล้วไม่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ผมขออธิบายเหตุผลที่คิดเช่นนั้นให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ในอดีตเมื่อประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำ การออมเงินภายในประเทศเพื่อนำไปลงทุนนั้นมีน้อยมาก จึงเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากต่อการระดมทุน แต่อย่างไรก็ดี เนื่องจากต้นทุนแรงงานต่ำ จึงเป็นข้อได้เปรียบที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้เกิดการพัฒนาและเติบโตได้ในช่วงดังกล่าว แต่เมื่อประเทศไทยได้เข้าสู่การเติบโตเต็มที่และระดับค่าจ้างสูงขึ้น ทำให้ข้อได้เปรียบในด้านต้นทุนแรงงานค่อยๆ หายไป ดังนั้น หากต้องการมีการพัฒนาเติบโตแบบก้าวกระโดดภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ในขณะที่ต้นทุนแรงงานยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนต่างประเทศจะถอนเงินทุนออก ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องรักษาระดับต้นทุนแรงงานให้คงอยู่ในระดับปานกลาง
โดยหลักการแล้ว การเปลี่ยนจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง จําเป็นต้องหลุดพ้นจากการแข่งขันด้านต้นทุนและเปลี่ยนเป็นการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมเพิ่มมูลค่า ซึ่งถึงแม้ประเทศไทยจะได้รับเงินทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนไทยต้องมีความสามารถในการรับการถ่ายทอดด้วย หากเราลดต้นทุนค่าแรงของคนไทย อาจกลายเป็นการปิดกั้นศักยภาพของแรงงานได้ ดังนั้น ผมคิดว่าสิ่งที่จำเป็นต่อประเทศไทยต่อจากนี้ คือการเพิ่มอัตราการออมในประเทศเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศแทนเงินทุนจากต่างชาติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ประการแรก ชาวไทยทุกคนจะต้องมีวัฒนธรรมในการออมร่วมไปกับการลงทุน ไม่ใช่การออมเพียงอย่างเดียว และการลงทุนนั้นเป็นการลงทุนในหุ้นของธุรกิจภายในประเทศ หากชาวไทยทุกคนเป็นผู้ถือหุ้นของธุรกิจก็จะสามารถสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไทยซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าและบริการต่างๆ ได้ในฐานะผู้ถือหุ้น ในขณะเดียวกัน ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เกิดการบริโภคสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นการเพิ่มอุปสงค์ให้มากขึ้นนั่นเอง ผมคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่จำเป็นต่อประเทศไทยในขณะนี้ และการลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริงที่บริษัทฯ นำเสนอเป็นก้าวแรกที่จะมีส่วนช่วยให้แนวคิดดังกล่าวเกิดผลขึ้นมา ทางบริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจเข้ามาดำเนินธุรกิจที่ประเทศไทย เพื่อเป็นแรงผลักดันในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยต่อไปจากนี้ พวกเราไม่ควรพึ่งพารัฐบาลหรือเงินทุนจากต่างชาติเพียงอย่างเดียว แต่ควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยพลังของภาคเอกชน ผมหวังว่าท่านจะเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ และมาช่วยกันดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายไปพร้อมกับพวกเราที่จะทำตามแนวคิดอย่างมุ่งมั่นตั้งใจอย่างต่อเนื่อง
บทความนี้เป็นคำแปลจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น เขียนโดยนายทาคาชิ คาวาคามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซาวาคามิ (ประเทศไทย)
อ้างอิงจากรายงานกองทุนรวมผสมซาวาคามิ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 https://www.sawakami.co.th/storage/research/file/1710314191.pdf
SHARE :