หุ้น กับ กองทุนรวมหุ้น ลงทุน แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน

17/06/2024
หุ้น กับ กองทุนรวมหุ้น ลงทุน แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน

หุ้น กับ กองทุนรวมหุ้น ลงทุน แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน

นักลงทุนมือใหม่หลายคน อาจกำลังสงสัยในเรื่องของการลงทุนใน หุ้น และ กองทุนรวมหุ้น ว่าควรเลือกลงทุนในรูปแบบไหนจึงจะเหมาะกับเป้าหมายทางการเงินของตัวเอง

การที่จะเลือกลงทุนใน หุ้น หรือ กองทุนรวมหุ้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้ และหากคุณมีความเข้าใจในการวิเคราะห์หุ้นและการประเมินสถานการณ์ตลาด พร้อมกับสามารถรับมือกับความเสี่ยงที่สูงได้ การลงทุนในหุ้นก็อาจจะเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับการลงทุนของคุณ แต่ถ้าหากคุณต้องการเน้นการกระจายความเสี่ยง การลงทุนใน กองทุนรวมหุ้น ก็อาจเหมาะสมกับคุณมากกว่า

ทั้งนี้เรามีวิธีพิจารณาวางแผนเลือกลงทุนของคุณให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้มาฝาก

หุ้น กับ กองทุนรวมหุ้น แตกต่างกันยังไง?

ก่อนพิจารณาเลือกลงทุนว่า รูปแบบไหนจะมีความคุ้มค่ามากกว่ากันนั้น เรามาดูถึงความแตกต่างกันก่อนว่า การลงทุนใน หุ้น กับ กองทุนรวมหุ้น มีความแตกต่างกันอย่างไร

  1. โครงสร้าง

หุ้น : การลงทุนในหุ้น คือ การซื้อหุ้นของบริษัท ซึ่งจะได้รับผลตอบแทน เช่น เงินปันผลจากการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้น และยังมีสิทธิในการออกเสียงของบริษัทในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ

กองทุนรวมหุ้น : การลงทุนในกองทุนรวมหุ้น คือ การไปลงทุนในหุ้นตามนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้น ๆ โดยมีผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) เป็นผู้ดูแล 

 

  1. การจัดการและความเสี่ยง

หุ้น : การบริหารจัดการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเอง ต้องทำการวิเคราะห์ในหลากหลายแง่มุม เช่น ตัวบริษัทจดทะเบียน สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ความเคลื่อนไหวและอารมณ์ของตลาด เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเลือกซื้อหุ้นที่มีศักยภาพสูง มีการเพิ่มของราคาในอนาคต ซึ่งการลงทุนในหุ้นมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

 

กองทุนรวมหุ้น : การลงทุนในกองทุนรวมหุ้น จะมีการลงทุนที่หลากหลายขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน และผู้จัดการกองทุน หรือ ​​บลจ. เช่นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง หรือหุ้นคุณภาพที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มั่นคง เป็นต้น

 

  1. ค่าใช้จ่าย

หุ้น : ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้น เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย

กองทุนรวมหุ้น : ค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนในกองทุนรวม เช่น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวมหุ้น เป็นต้น

 

ปัจจัยในการเลือกลงทุน มีอะไรบ้าง?

การเลือกลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ หุ้น หรือ กองทุนรวมหุ้น นั้นจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้เป็นหลัก ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบ จะมีวิธีการเลือกที่ต่างกันดังนี้

  • ความเสี่ยง

การลงทุนในหุ้นเป็นการซื้อขายหุ้นเป็นรายตัว หมายความว่าผู้ซื้ออาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากความผันผวนของราคาหุ้น

ในขณะที่กองทุนรวมหุ้นจะมีการลงทุนในหุ้นหลายๆตัว ที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และลดโอกาสการขาดทุนจากการลงทุนเพียงหุ้นตัวเดียว 

  • การจัดการ

การลงทุนในหุ้นต้องการการวิเคราะห์และการตัดสินใจ นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลทางการเงินและการวิเคราะห์หุ้นเพื่อตัดสินใจซื้อ หรือขายหุ้นในเวลาที่เหมาะสม ในทางตรงกันข้าม กองทุนรวมหุ้นจะมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการเลือกหลักทรัพย์และการจัดการกองทุนให้กับนักลงทุน นักลงทุนไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือประสบการณ์ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์เลย แต่ก็ยังต้องมีความเข้าใจในการตัดสินใจเลือกกองทุน

  • ค่าใช้จ่าย

การลงทุนในหุ้นมีค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ซึ่งประกอบด้วยค่าบริการของโบรกเกอร์ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่ต้องจ่ายให้กับหน่วยงานต่างๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์ ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ก.ล.ต. เป็นต้น

ส่วนในกองทุนรวมหุ้นจะมีค่าใช้จ่ายในรูปแบบของค่าธรรมเนียมของกองทุน มีด้วยกัน 2 ส่วนหลัก คือ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ถือหน่วย เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน เป็นต้น  และค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการ

 

  • การดูแล

การลงทุนในหุ้นต้องการการติดตาม สถานการณ์ตลาดและข่าวสารเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อทำการปรับแก้การลงทุนในหุ้นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ในขณะที่กองทุนรวมหุ้นมีผู้จัดการกองทุนที่รับผิดชอบในการดูแลกองทุน มีความเชี่ยวชาญในการจัดการและดูแลกองทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุน

 

ผลตอบแทน

สำหรับในส่วนของผลตอบแทน ในหุ้น กับ กองทุนรวมหุ้น ก็มีความแตกต่างด้วยเช่นกัน ดังนี้

  • ผลตอบแทนในหุ้น ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับมีทั้งในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend) และ กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) คือ การขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมา ส่วนโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความสามารถในการวิเคราะห์หุ้น และการจับจังหวะซื้อขาย

 

  • ผลตอบแทนในกองทุนรวมหุ้น มีทั้งในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend) ซึ่งกองทุนนั้นจะต้องมีนโยบายจ่ายเงินปันผลด้วยนะ และการได้รับกำไรส่วนเกินมูลค่าหน่วยลงุทน (Capital Gain) เมื่อขายคืนหน่วยลงทุนให้กับบริษัทจัดการในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมาตอนแรก

 

ทักษะการวิเคราะห์ที่จำเป็นต้องมี

การวิเคราะห์ในหุ้นและกองทุนรวมหุ้นมีความแตกต่างกันตามลักษณะของการลงทุนแต่ละประเภทดังนี้

  • การวิเคราะห์ในหุ้น

การวิเคราะห์หุ้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ เช่นใช้วิธีการวิเคราะห์พื้นฐาน (fundamental analysis) และการวิเคราะห์ทางเทคนิค (technical analysis) เพื่อทำการประเมินความคุ้มค่าของหุ้นแต่ละรายการและหาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์พื้นฐานจะศึกษาข้อมูลทางการเงินของบริษัท เช่น รายได้, กำไร, อัตราเงินสด, และโครงสร้างทุนเอนกประสงค์ เพื่อประเมินค่าหุ้นว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ และการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้กราฟและตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น เส้นสนับสนุนและเส้นต้าน, การสร้างกราฟแท่งเทียน, และการใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคเช่น ค่า RSI (Relative Strength Index) และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) เพื่อทำการพยากรณ์แนวโน้มราคาในอนาคต

  • การวิเคราะห์ในกองทุนรวมหุ้น

การวิเคราะห์ในกองทุนรวมหุ้นจะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ของผู้จัดการกองทุนและการวิเคราะห์ของพอร์ตโฟลิโอ (portfolio analysis) เพื่อทำการเลือกหุ้นที่เหมาะสมและการจัดการพอร์ตโฟลิโอให้มีประสิทธิภาพ โดยการวิเคราะห์ในกองทุนรวมหุ้นนั้นจะดูปัจจัยต่างๆ ของหุ้นที่กองทุนแบ่งเงินไปลงทุน รวมถึงนโยบายของกองทุนรวมหุ้นนั้น ๆ เพื่อทำการเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะสมกับนักลงทุน

 

กองทุนรวมหุ้น และ หุ้น เหมาะกับใคร

  • การลงทุนในหุ้นเหมาะกับ
  • ผู้ลงทุนที่มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์และหุ้นเป็นรายตัว
  • ผู้ลงทุนที่สามารถเฝ้าติดตามสถานการณ์ตลาดได้อย่างสม่ำเสมอ

 

  • การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเหมาะกับ
  • ผู้ลงทุนที่ไม่มีความรู้ หรือประสบการณ์ในการลงทุน
  • ผู้ลงทุนที่ต้องการความสะดวกสบาย หรือไม่มีเวลาในการจัดการลงทุน
  • ผู้ลงทุนที่หวังผลตอบแทนในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น

ดังนั้นการเลือกลงทุนใน หุ้น หรือ กองทุนรวมหุ้น นักลงทุนควรพิจารณาตามความเหมาะสมในแต่ละรูปแบบ และตามวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเองเป็นหลัก ที่สำคัญเลยก็คือต้องอยู่ในระดับความเสี่ยงที่พร้อมรับได้ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมหุ้น

—---------------------------

 

สนใจศึกษาข้อมูลกองทุนรวมผสม sawakami ได้ที่ https://www.sawakami.co.th/fund/5

ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมและหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ซาวาคามิ (ประเทศไทย) เว็บไซต์ www.sawakami.co.th

หรือ Customer Service โทร 02-081-0525 ถึง 26 หรือ Line Official @sawakamith https://line.me/R/ti/p/@704veymq

Facebook Official : Sawakami Asset Management Thailand https://www.facebook.com/sawakami.th/

SHARE :

020-810-525

Facebook

Line

This website uses cookies to ensure that we give you the best experience on our site.  Website Cookie Policy