หุ้นสามัญ VS หุ้นบุริมสิทธิ ต่างกันอย่างไร? แบบไหนเหมาะกับคุณ

     นักลงทุนที่ศึกษาการลงทุนในหุ้น อาจจะคุ้นเคยหรือได้ยิน 2 คำนี้มาบ้าง นั่นก็คือ “หุ้นสามัญ” และ “หุ้นบุริมสิทธิ” แต่อะไรคือความแตกต่างระหว่างหุ้นทั้ง 2 ประเภท และแต่ละประเภทเหมาะกับใคร มีเรื่องอะไรที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ หาคำตอบได้ในบทความนี้เลย

หุ้นสามัญ คืออะไร?

หุ้นสามัญ (Common Stock) คือ หุ้นประเภทหนึ่งที่ผู้ถือหุ้นสามัญมีสิทธิในการออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น และอาจมีสิทธิในการได้รับเงินปันผลตามผลประกอบการของบริษัท นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นสามัญยังมีสิทธิในการรับส่วนแบ่งทรัพย์สินในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ อย่างไรก็ตามสิทธินี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ชำระหนี้สินและคืนทุนให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิแล้ว

ข้อดีของหุ้นสามัญ

1. สิทธิในการออกเสียง : ผู้ถือหุ้นสามัญสามารถลงคะแนนในการประชุมสามัญประจำปีในการร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของบริษัทได้ เช่น การเลือกสมาชิกคณะกรรมการ เป็นต้น

2. โอกาสในการรับเงินปันผล : เมื่อบริษัทมีกำไร ผู้ถือหุ้นสามัญมีโอกาสได้รับเงินปันผล ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามผลประกอบการของบริษัท

3. การเพิ่มมูลค่าของทุน : ราคาหุ้นสามัญสามารถเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาวตามผลประกอบการของบริษัท ทำให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่สูงได้

ข้อเสียของหุ้นสามัญ

1. ความเสี่ยงสูง : ผู้ถือหุ้นสามัญรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูง เนื่องจากหากบริษัทประสบปัญหาทางการเงินหรือเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับเงินคืนหลังจากเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ

2. ความผันผวนของราคา : ราคาหุ้นสามัญมีความผันผวนสูง ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทสภาพเศรษฐกิจ หรือสถานการณ์ภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

3. ไม่มีการรับประกันเงินปันผล : การได้รับเงินปันผลขึ้นอยู่กับกำไรของบริษัทและการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น

หุ้นบุริมสิทธิ คืออะไร?

หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คือ หุ้นที่ให้สิทธิพิเศษบางอย่างแก่ผู้ถือหุ้นมากกว่าหุ้นสามัญ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ และมีสิทธิได้รับคืนทุนก่อนในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะไม่มีสิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเท่ากับผู้ถือหุ้นสามัญ

ข้อดีของหุ้นบุริมสิทธิ

1. ได้รับเงินปันผลก่อน: ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ

2. สิทธิในการรับคืนทุนก่อน: ในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับคืนทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ

3. เงินปันผลคงที่ : ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิสามารถคาดการณ์รายได้ที่แน่นอนกว่าได้ เพราะการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ มีอัตราคงที่

ข้อเสียของหุ้นบุริมสิทธิ

1. ไม่มีสิทธิออกเสียง: ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น ทำให้ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางนโยบายของบริษัท

2. ศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าจำกัด: เนื่องจากอัตราการจ่ายเงินปันผลคงที่เสมอ แม้ว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

หุ้นทั้ง 2 แบบ เหมาะกับใคร

หุ้นสามัญเหมาะกับ:

1. นักลงทุนที่ต้องการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของบริษัท

2. นักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงสูงและมีความคาดหวังต่อการเพิ่มมูลค่าของการลงทุนในระยะยาว

3. นักลงทุนที่ต้องการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น

หุ้นบุริมสิทธิเหมาะกับ:

1. นักลงทุนที่ต้องการรายได้ที่เป็นประจำและสม่ำเสมอจากการลงทุน รวมถึงไม่สนใจในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของบริษัท

2. นักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงในการลงทุนและต้องการสิทธิประโยชน์ในการได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ

3. นักลงทุนที่ต้องการลดความผันผวนโดยรวมของราคาหุ้นในพอร์ตการลงทุน

สรุป หุ้นสามัญ และ หุ้นบุริมสิทธิ ต่างกันอย่างไร และเหมาะกับใคร?

หุ้นสามัญ คือ หุ้นที่ผู้ถือหุ้น มีสิทธิ์ในการออกเสียงในบริษัท และอาจได้รับเงินปันผลตามผลประกอบการของบริษัทและการตัดสินใจโดยที่ประชุมใหญ่ของผู้ถือหุ้น แต่ก็มีความเสี่ยงสูงในด้านความผันผวนของราคา
รวมถึงมีโอกาสได้รับการได้รับเงินปันผล หรือ การคืนทุนเป็นลำดับท้ายสุด กรณีบริษัทล้มละลาย
เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ และมีเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าหุ้นในระยะยาวรวมถึงต้องการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในบริษัท

หุ้นบุริมสิทธิ คือ หุ้นประเภทหนึ่งที่ทำให้ผู้ถือหุ้นได้สิทธิประโยชน์ในการรับเงินปันผลก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ รวมถึงได้อัตราเงินปันผลคงที่ แต่ผู้ถือหุ้นจะไม่มีสิทธิในการออกเสียงในบริษัท รวมถึงมีข้อจำกัดในการเพิ่มมูลค่าของหุ้นที่ถือด้วยเช่นกัน จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ที่เป็นประจำ สม่ำเสมอและความเสี่ยงที่น้อยกว่า

*คำเตือน

กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนฯ ในกองทุนรวม SSF ก่อนตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุนตามที่กรมสรรพากรกำหนด

สนใจศึกษาข้อมูลกองทุนได้ที่ https://www.sawakami.co.th/fund/5

ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมและหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ซาวาคามิ (ประเทศไทย) เว็บไซต์ www.sawakami.co.th

หรือ Customer Service โทร 02-081-0525 ถึง 26 หรือ Line Official @sawakamith https://line.me/R/ti/p/@704veymq

Facebook Official : Sawakami Asset Management Thailand https://www.facebook.com/sawakami.th