หุ้นคุณค่า กับ หุ้นเติบโต ต่างกันอย่างไร? เลือกลงทุนในประเภทไหนดี
หุ้นคุณค่า กับ หุ้นเติบโต ต่างกันอย่างไร? เลือกลงทุนในประเภทไหนดี
หุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีอยู่มากมาย และมีลักษณะแตกต่างกันไปตามปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค ซึ่งมีการแบ่งกลุ่ม ตามลักษณะต่างๆ มากมาย แต่ในวันนี้ บลจ. ซาวาคามิ (ประเทศไทย) ขอพาคุณไปทำความรู้จักกับหุ้น 2 ประเภท ที่ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ นั่นก็คือ หุ้นคุณค่า และ หุ้นเติบโต ว่าทั้งสองประเภทนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร และประเภทไหนที่จะเหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณ
หุ้นคุณค่า คืออะไร?
หุ้นคุณค่า (Value Stock) คือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่มีราคาต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว โดยลักษณะเด่นของหุ้นประเภทนี้ เป็นหุ้นของธุรกิจที่มีความมั่นคง ผลการดำเนินงานไม่โดดเด่นแต่เติบโตสม่ำเสมอ และมีอัตราเงินปันผลอยู่ในระดับสูง นักลงทุนมักจะเรียกว่าเป็น “หุ้นดี ราคาถูก”
ข้อดี
- มีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาด
- การเติบโตสม่ำเสมอ
- อัตราเงินปันผลสูง
ข้อเสีย
- ราคาหุ้นอาจเติบโตช้า ต้องลงทุนระยะยาว
หุ้นเติบโต คืออะไร?
หุ้นเติบโต (Growth Stock) ก็จะตรงกันข้ามกับหุ้นคุณค่า นั่นก็คือเป็น “หุ้นดี ราคาแพง” เป็นหุ้นที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและรวดเร็วในด้านการดำเนินงาน รายได้ และผลกำไรของบริษัท ทำให้มูลค่าของหุ้นเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่มักจะมีอัตราเงินปันผลในระดับต่ำ หรืออาจจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลเลย
ข้อดี
- กิจการหรือบริษัท มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและโดดเด่น
- ราคาหุ้นเติบโตอย่างรวดเร็ว
ข้อเสีย
- ราคาซื้อสูง
- อัตราเงินปันผลต่ำ หรืออาจไม่มีเงินปันผล
เกณฑ์พิจารณาว่าหุ้นแบบไหนคือ หุ้นคุณค่า หรือ หุ้นเติบโต
อัตราจ่ายเงินปันผล
หุ้นคุณค่า – อัตราจ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
หุ้นเติบโต – อัตราจ่ายเงินปันผลต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไร (P/E Ratio)
หุ้นคุณค่า – อัตราส่วนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
หุ้นเติบโต – อัตราส่วนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV Ratio)
หุ้นคุณค่า – ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
หุ้นเติบโต – สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
หุ้นคุณค่า หุ้นเติบโต แต่ละประเภทเหมาะกับใคร?
หุ้นคุณค่า (Value Stock) และ หุ้นเติบโต (Growth Stock) ต่างก็มีข้อดี และข้อพิจารณาที่แตกต่างกันไป ซึ่งคุณควรพิจารณาจากคุณสมบัติของทั้งสองประเภทนี้ ว่าแบบไหนเหมาะกับคุณ ตัวอย่างเช่น
หุ้นคุณค่า ที่มีอัตราเงินปันผลสูง แต่การเติบโตของมูลค่าหุ้นไม่โดดเด่น อาจเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ที่เน้นรับเงินปันผลเป็นหลัก แต่กลับกัน หุ้นเติบโต ที่อัตราเงินปันผลต่ำหรือไม่มี แต่ก็มีการเติบโตของมูลค่าหุ้นที่รวดเร็วและโดดเด่น อาจเหมาะกับการลงทุนระยะสั้น หรือลงทุนแบบเก็งกำไร และมีเป้าหมายจากการทำกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น
แต่ทั้งนี้ ก็ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าคุณจะต้องเลือกลงทุนในหุ้นประเภทใดเพียงประเภทเดียว และข้อดีของหุ้นแต่ละประเภทก็ไม่ได้การันตีว่าการลงทุนจะประสบความสำเร็จ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกหุ้นต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบ เช่น วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจ วิเคราะห์อุตสาหกรรม วิเคราะห์บริษัท การประเมินมูลค่าหุ้น รวมถึงการเลือกหุ้นให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตัวเองและความเสี่ยงของตัวเองที่ยอมรับได้
แชร์ :